กระบวนการขายในระบบ CRM มักประกอบด้วยหลายขั้นตอน ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามประเภทธุรกิจและอุตสาหกรรม ขั้นตอนที่พบได้ทั่วไป ได้แก่:
- Lead/Prospect: ขั้นตอนที่เป็นการติดต่อครั้งแรกหรือกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มสนใจสินค้าและบริการของบริษัท
- Qualification: ขั้นตอนที่ทีมขายประเมินว่าลูกค้ามีความเหมาะสมเพียงใด โดยดูจากความต้องการ งบประมาณ และอำนาจในการตัดสินใจซื้อ
- Proposal: เมื่อผ่านการคัดกรอง ทีมขายจะจัดทำและนำเสนอโซลูชันหรือข้อเสนอที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของลูกค้า
- Negotiation: หากลูกค้ายอมรับข้อเสนอ ขั้นตอนนี้จะเป็นการเจรจาเงื่อนไข ราคา และความต้องการเฉพาะต่าง ๆ ร่วมกับลูกค้า
- Closed/Won: ขั้นตอนที่ดีลปิดสำเร็จ ลูกค้าตัดสินใจซื้อหรือยอมรับเงื่อนไขที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว
- Closed/Lost: ขั้นตอนที่ดีลไม่สามารถดำเนินต่อได้ หรือถูกปิดเพราะแพ้ให้กับคู่แข่ง
โดยสรุป กระบวนการขายในระบบ CRM คือเครื่องมือที่ช่วยให้ทีมขายบริหารและติดตามโอกาสทางการขายตั้งแต่การหาลีดไปจนถึงการปิดการขาย เป็นแนวทางที่มีโครงสร้างชัดเจนสำหรับจัดการขั้นตอนการขาย ช่วยให้ธุรกิจสามารถดูแลและเปลี่ยนลีดให้กลายเป็นลูกค้าที่พึงพอใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
8 ขั้นตอนในการพัฒนาระบบ CRM เชิงกลยุทธ์
กำหนดวัตถุประสงค์ของ CRM: เริ่มต้นด้วยการระบุวัตถุประสงค์ของระบบ CRM ให้ชัดเจน และสอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจโดยรวม ระบุให้ได้ว่าคุณต้องการให้ระบบ CRM ช่วยบรรลุเป้าหมายใด เช่น เพิ่มอัตราการรักษาลูกค้า ปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้า หรือกระตุ้นการเติบโตของยอดขาย
การแบ่งกลุ่มลูกค้า: วิเคราะห์ฐานลูกค้าของคุณและแบ่งออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ตามข้อมูลประชากร พฤติกรรม ความชอบ และมูลค่าที่มีต่อธุรกิจของคุณ การแบ่งกลุ่มนี้จะช่วยให้คุณสามารถปรับกลยุทธ์และกิจกรรม CRM ให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เลือกเทคโนโลยี CRM ที่เหมาะสม: เลือกซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์ม CRM ที่สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจและรองรับวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ของคุณ ประเมินระบบ CRM ต่าง ๆ ที่มีในตลาด และเลือกตัวที่มีฟีเจอร์ครบตามต้องการและสามารถขยายการใช้งานได้ตามการเติบโตของธุรกิจ
การผสานข้อมูล: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบ CRM ของคุณสามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ ภายในองค์กรได้อย่างราบรื่น เช่น ระบบขาย การตลาด และงานบริการลูกค้า การเชื่อมต่อเหล่านี้จะช่วยให้มีมุมมองข้อมูลลูกค้าที่เป็นหนึ่งเดียว และทำให้การแชร์ข้อมูลระหว่างแผนกมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การจัดการคุณภาพข้อมูล: กำหนดกระบวนการและวิธีควบคุมเพื่อรักษาความถูกต้อง ความครบถ้วน และความสอดคล้องของข้อมูลลูกค้า ทำความสะอาดและอัปเดตข้อมูลอย่างสม่ำเสมอเพื่อหลีกเลี่ยงข้อมูลซ้ำหรือข้อมูลล้าสมัย คุณภาพข้อมูลที่ดีเป็นสิ่งสำคัญต่อการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพและการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เป็นส่วนบุคคล
การออกแบบระบบอัตโนมัติและขั้นตอนการทำงาน: ระบุจุดสัมผัสสำคัญของลูกค้า และออกแบบขั้นตอนการทำงานรวมถึงกฎการทำงานอัตโนมัติเพื่อทำให้กระบวนการต่าง ๆ เป็นระบบและทำงานได้อย่างราบรื่น ซึ่งรวมถึงการทำงานอัตโนมัติในขั้นตอนการหาลีด การติดตามการขาย การรับคำขอบริการลูกค้า และแคมเปญการตลาดแบบเฉพาะบุคคล
การอบรมและการนำไปใช้: จัดการอบรมอย่างครบถ้วนให้พนักงานเข้าใจวิธีใช้งานระบบ CRM อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้า กระตุ้นให้เกิดการใช้งานอย่างต่อเนื่องโดยการสื่อถึงประโยชน์ที่ได้รับ และสร้างแรงจูงใจให้พนักงานใช้ระบบอย่างสม่ำเสมอ
การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและการวัดผล: ติดตามและวัดประสิทธิภาพของระบบ CRM อย่างสม่ำเสมอโดยเทียบกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ใช้ตัวชี้วัด (KPIs) เช่น ความพึงพอใจของลูกค้า มูลค่าตลอดอายุลูกค้า (Customer Lifetime Value) และการเติบโตของรายได้ เพื่อประเมินความสำเร็จของกลยุทธ์ CRM ปรับปรุงและพัฒนากิจกรรม CRM อย่างต่อเนื่อง โดยอิงจากข้อมูลการวิเคราะห์และความคิดเห็นของลูกค้า
ติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาฟรี
Reference